หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2552

กาเรียนรู้ต้องเริ่มที่ศรัทธา

มีเรื่องสะกิดใจที่ต้องเก็บมาคิดในวันนี้ที่โยงมาจากเรียนการเมือง ทำให้ย้อนกลับมาเกี่ยวกับเรื่องศาสนาพุทธ หรือศาสนาใดๆ ก็ตาม ที่ว่า การที่ใครก็ตามจะยึดถือศาสนาใดเป็นแนวปฏิบัตินั้นจะต้องมีความศรทธาในศาสนานั้น ซึ่งคำว่า ศรัทธา แปลง่ายๆ ก็คือความเชื่อนั่นเอง โดยศานาพุทธนั้น จะต้องมีศรัทธาหรือความเชื่อพื้นฐานที่สำคัญคือ เราต้องเชื่อเรื่องกรรม ซึ่งจะโยงไปถึงเรื่องชาติหน้ามีจริง แค่ความเชื่อข้อนี้ข้อเดียวก็โยงไปถึงการปฏิบัติตามหลักศาสนาได้มากมาย ในเมื่อคนเชื่อเรื่องกรรม ก็จะต้องทำความดี เพื่อให้ได้รับผลกรรมที่ดี ซึ่งผลนั้นอาจจะได้รับทั้งในชาตินี้และชาติหน้า ถ้าคนไม่เชื่อเรื่องนี้ ก็จะไม่สนใจทำความดีกัน การเรียนการสอนของครูก็เช่นเดียวกัน จำได้ดีว่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัย บางวิชาก็มีการเปิดสอนหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มก็จะมีอาจารย์สอน ปรากฏว่า อาจารย์บางท่าน มีนักศึกษาแห่ไปลงทะเบียบนเรียนเป็นร้อย ต้องเปิดสอนในห้องประชุม ขณะที่อาจารย์บางท่าน มีนักศึกษาไปลงทะเบียนเพียงไม่กี่คน ถามว่าทำไม่ ถ้าถามตัวเองตอนนั้น ก็บอกว่า รุ่นพี่เข้าบอกว่า อาจารย์ท่านนั้นสอนดี ใจดี ฯลฯ หรือแม้แต่ทุกวันนี้ โรงเรียนกวดวิชาต่างๆ บางที่มีคนแห่ไปเรียนกันเต็มไปหมด เพราะผู้ไปเรียนเชื่อว่า อาจารย์ท่านั้นสอนดี สอนรู้เรื่อง การเรียนรู้ของนักเรียนก็เช่นกัน ถ้านักเรียนมีศรัทธาต่อเราซึ่งเป็นครูแล้ว ดูเหมือนว่าปัญหาต่างๆหลายเรื่องจะลดน้อยลง แต่การสร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เป็นเรื่องที่ต้องสสะสมกันพอสมสมควรจนกว่าจะสร้างความเชื่อมมั่นได้ ระบบการศึกษาทุกวันนี้ดูเมือนว่ามีเป้าหมายที่เปลี่ยนไปหรือไม่ เพราะเด็กที่เข้ามาเรียนต่างก็มีเป้าหมายที่ต้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัยให้ได้ ดังนั้นเด็กที่เข้ามาเรียนก็มีกระบวนการต่างๆนานา ที่จะมุ่งสู่ประตูมหาวิทยาลัย ซึ่งจะเป็นว่าเป้าหมายของเด็กกับเป้าหมายของหลักสูตร ไม่รู้ว่าจะไปกันได้หรือเปล่า ดังนั้นศรัทธาของเด็กที่มีต่อตัวครู หรือความเชื่อของเด็กที่มีก็ครู เชื่อว่าครูคนนั้น จะพาเขาเข้ามหาวิทยาลัยได้ ดังนั้น กระบวนการทุกวันนี้เรื่องกวดวิชา สอนพิเศษ มันจึงไม่พอ และล้าสมัยแล้ว กระบวนการเข้าค่ายเพื่อเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย จึงกำลังได้รับควานิยมเป็นอย่างมาก เด็กนักเรียนที่เข้าสู่กระบวนการนี้ จะไปพักประจำอยู่กับผู้จัดกิจกรรมลักษณะดังกล่าว ตอนเช้าก็มาส่งเข้าโรงเรียน เบ็นก็มารับกลับ แล้วมีกิจกรรมต่างๆ เพื่อเตรียมตัวสอบ ทางผู้ดำเนินการจะจัดการทุกอย่าง พยายามพาไปสมัครสบอบตามที่ต่างๆ ดำเนินการให้ตั้งแต่เรื่องสมัคร พาไปสอบถึงสถานที่สอบ จัดอาหารการกินเตรียมให้พร้อม เด็กมีหน้าที่เพียงทำตามและใช้ความรู้ไปสอบ เรื่องอื่นๆ มีคนจัดการให้หมด เด็กก็ชอบ ผู้ปกครองก็ชอบ ผู้ดำเนินการก็ได้ประโยชน์ กระบวนการดังกล่าว ถ้าเป็นกระบวนการทำให้เด็กเป็นคนโดยสมบูรณ์ก็ดีไป แต่ถ้าทำให้เป็นเพียงมนุษย์นักสอบเพื่อเขามหาวิทยาลัยได้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า พลเมืองไทยในอนาคตจะเป็นอย่างไร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น