วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2552
ครู คือผู้ให้
เมื่อวานได้มีโอกาสเสวนากับผู้มีอาชีพเดียวกัน คือ อาชีพครู ประเด็นก็คงเป็นเรื่องเศรษฐกิจ การคุยก็เปิดประเด็นอย่างกว้างขวาง แต่ก็อยู่ใกล้ตัว ในที่สุดก็มาลงสรุปว่า อาชีพรับราชการนี่แหละดีแล้ว โดยเฉพาะครู
เพราะทุกวันนี้ เงินเดือนครูสูง คนที่ทำอาชีพอื่นๆ พอเศรษฐกิจฟุบ ก็แย่ไปตามๆ กัน แต่ครูก็ยังมีเงินเดือนเท่าเดิมและมากกว่าเดิม พอคุยกันมาถึงตอนนี้ ก็มีผู้แทรกมาว่า ครูก็ยังเป็นหนี้เหมือนเดิม ดู้เหมือนว่า ประเด็นนี้เป็นที่สนใจในวงสนทนาทันที เรื่องหลักคือ ทำไมครูจึงเป็นหนึ้มาก ทั้งๆที่บางท่านเงินเดือนห้าหมื่นกว่า ค่าใช้จ่ายก็ดูๆ แล้วก็ไม่มาก ก็เลยได้ข้อมูลมากมาย ที่บอกว่า ครู ทำไมเป็นหนี้ ประการแรก ครูส่วนมากไม่ได้บรรจุที่บ้านเกิด โรงเรียนอยู่ไกลบ้าน เดินทางไม่สะดวก พอมีเงินเดือนเหลือบ้าง ก็ผ่อนรถยนต์ ซึ่งส่วนมากก็เป็นรถกระบะ ราคาก็ประมาณ 5 แสน ต้องส่งงวด เดือนละประมาณ 6000 -
10000 บาท ต่อมาเมื่อครอบครัวใหญ่ขึ้น มีลูก ก็เริ่มมองหาบ้าน แล้วในที่สุดก็ผ่อนบ้าน หรือกู้เงินมาปลูกบ้าน ก็เป็นหนี้กันตั้งแต่ 500000 - ล้าน หรือมากกว่านั้น ก็ต้องผ่อนกับธนาคารเดือนละ 5000 -10000 บาท
แล้วแต่ว่ากู้มากหรือน้อย ต่อมาเมื่อลูกเข้าโรงเรียน ก็ต้องมีค่าใช้จ่าย เงินเดือนชักจะไม่พอ ก็ กู้ออมทรัพย์ครู มาเป็นค่าใช้จ่าย เพื่อการศึกษาของบุตร ยิ่งเรียนสูง ก็ยิ่งจ่ายมากขึ้น ในแต่ละสัปดาห์ ก็มีงานบุญ ในหมู่บ้าน
ของเพื่อนครูด้วยกัน และ การสังสรรค์อื่นๆ ครูเป็นผู้มีหน้า มีตา ก็ต้องใส่ซอง น้อยนักก็ไม่ได้ อย่างน้อยๆ ก็ 200-300 บาท ตามฐานะ บางเดือน มีเหตุฉุกเฉิน ไม่มีเงิน ก็ต้องเริ่มกู้ฉุกเฉิน และอื่นๆ ดูรายจ่ายคร่าวๆแต่ละเดือน เฉพาะส่งต้น ส่งดอก ก็ ราวๆ สองหมื่นบาท หรือมากกว่า และในจำนวนนี้ เป็นดอกเบี้ยเสียครึ่งหนึ่ง เห็นข้อมูลเหล่านี้แล้วก็ต้องขอบคุณ คุณครู ทั้งหมายอีกเหมือนเดิน เพราะสรุปได้ว่า ครูนี่
แหละ คือผู้ที่ทำให้เงินสะพัด เงินหมุนเวียนตามนโยบายรัฐบาล เพราะเงินที่มาถึงครู เป็นเงินหมุนเวียน อยู่ในมือครูแวบเดียวก็หมุนไปที่อื่นแล้ว หมุนไปอยู่ที่บริษัทรถยนต์ หมุนไปอยู่ใในธนาคารอาคารสงเคราะห์ หมุน
เข้าไปในสหกรณ์ออมทรัพย์ หมุนไปอยู่ในบริษัทผลิตเครื่องดื่ม หมุนไปอยู่ในสถานศึกษาต่างๆ ครูคือผู้ให้จริงๆ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น