หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2552

น่าเป็นห่วงประเทศชาติ

ว่าจะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่ก็อดไมได้ เพราะมันเป็นเรื่องที่เข้ามากระทบต่ออนาคตของประเทศชาติ เพราะว่า เรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับการศึกษาโดยตรง แต่เป็นเรื่องที่เป็นผลสืบเนื่องมานานแล้ว และขณะเดียวกันเรื่องนี้ ถ้าเอาการศึกษาเข้าไปแก้ ก็คงจะต้องใช้เวลาอีกยาวนานเหมือนกันกว่าจะเห็นผล เรื่องที่จะกล่างถึงต่อไปน้ เป็นเรื่องที่เกิดจากช่วยที่มีเวลาว่างวันหยุด แล้วไปเยี่ยมลูก แล้วได้มีโอกาสดู TVและโดยบังเอิญ มี TV 2 ช่อง ที่อยู่ติดกัน และคนทั่วๆไป ไม่มีโอกาสได้ดูเพราะไม่ใช่ Free TV โดย TV สองช่องที่ว่านั้นคือ ASTV และ D Station ทั้งสองช่องนี้ ถือว่า เป็น TV ที่อยู่กันคนละข้าง หรือเป็นฝ่ายตรงข้ามกันก็ว่าได้ เรียกว่าเป็นฝ่ายของเสื้อเหลือง และเสื้อแดง เมื่อวิเคราะห์ ข้อดีข้อเสียของการดู TV ทั้งสองช่อง แยกออกมาได้ดังนี้
  1. ข้อดี TV ทั้งสองช่องนี้ จะนำเสนอในเรื่องเดียวกัน เหตุการณ์เดียวกัน แต่นำเสนอข้อมูลที่ต่างกัน (มีน้อยเรื่องที่จะตรงกัน) ทำให้เกิดข้อดี มาก สำหรับผู้บริโภคข่าว เพาะตามปกติแล้ว เราได้ดูข่าวนั้นจาก Free TV เริ่มได้ข้อมูลมาระดับหนึ่ง ต้อจากนั้น มาดูสองช่องนี้ ก็จะได้ข่าวประเภทที่แทรกความคิดเห็นของผู้เสนอข่าวเข้าไป โดยความคิดเห็นนี้ จะออกมาเหมือนกันทั้งสองช่อง คือ ตนเองดีอย่างไร ฝ่ายตรงข้ามเลวอย่างไร เท่ากับว่า เป็นาการนำเสนอเหตุการณืที่เกิดขึ้น บวกความคิดเห็นเชิงวิเคราะห์เข้าไปว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว ฝ่ายตรงข้ามเลวอย่างไร ส่วนฝ่ายตนเองดีอย่างไร จากประเด็นนี้ ทำให้ผู้บริโภคข่าว ได้รับข้อมูลรอบด้านมากขึ้น เมื่อมีข้อดี ก็มีข้อเสีย คือ ไม่รู้ว่าสิ่งที่นำมาวิเคราห์นั้น มีข้อเท็จจริงอย่างไร เป็นการใส่ร้ายป้ายสีกัน หรือเรื่องจริงเป็นเช่นนั้น จึงเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคต้องคิดเอาเอง บางเรื่องก็รู้ได้ทันทีว่า เป็นเรื่องจริงหรือเท็จ บางเรื่องก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่รู้แน่ๆ คือทาสแท้ของการนำเสนอว่า ต้องการนำเสนอเพื่ออะไร
  2. ข้อดี เกิดการเรียนรู้วิชาสังคมศึกษาที่ว่าด้วยการเมืองอย่างละเอียดละออ โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย ต่างกับสมัยก่อนเรื่องราวเหล่านี้ กว่าจะออกมาเป็นบทเรียนในเอกสาร สิ่งพิมพ์ต่างๆ ก็ใช้เวลานาน แต่ปัจจุบัน รู้เรื่องราวต่างๆ ทันที ถ้าดู TV ไม่ทัน ก็สามารถไป Update กันทางอินเตอร์เน็ตได้ ข้อเสีย มีเรื่องที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงปนเข้ามามากมาย
  3. ข้อดี ได้เรียนรู้แนวความคิดของแต่ละคนว่า กว่าจะคิดประเด็นใดออกมาแต่ละเรื่อง นั้น เขามีแนวความคิดที่มีความเป็นมาอย่างไร เพราะการติดตามดูตัวละครที่เกี่ยวข้องในการเข้ามามีลทบาททางการเมืองแต่ละคน จะมีข้อมูลมานำเสนออย่างรายละเอียด ว่าคนนี้มีความเป็นมาอย่างไร และเข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์แต่ละเรื่องอย่างไร ซึ่งช่วยสนับสนุนแนวความคิดและการปฏิบัติของคนๆนั้น ว่า ทำไมท่านจึงคิดและทำอย่างนั้น มีเหตุผลและความต้องการเบื้องหลังอย่างไร ข้อเสีย เกิดการเอาอย่างแนวคิดบางแนวคิด ที่ก่อให้การดารกระทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง โดยไม่ได้ตั้งอยู่บนผลประโยชน์ของประเทศชาติตามที่มักจะกล่าวอ้างกัน
  4. ข้อดี ประชาชนฉลาดขึ้น เพาะทุกวันนี้ เริ่มมองเกมของแต่ละคนได้เร็วขึ้น ว่า ที่ทำเช่นนั้น เพื่อต้องการอะไร เช่น ถ้าต้องการปลุกระดม จะต้องใช้จิตวิทยามวลชนเอย่างไร ถ้าต้องการให้กลุ่มชนจำนวนมากเดิมตาม จะต้องทำอย่างไร เป็นต้น จึงทำให้เริ่มเดาสถานการณ์ออกว่า เมื่อกลุ่มหนึ่งกำลังจะทำอย่างนี้ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร ข้อเสีย น่าสงสารสำหรับคนที่ตามไม่ทันซึ่งอาจจะมีจำนวนหนึ่ง ที่อาจจะไม่ทราบด้วยซ้ำไปว่ากำลังทำอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่ได้มีโอกาสได้รับข่าวสารข้อมูลทุกด้าน โดยรับฟังเฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง
  5. ข้อดี อาจจะช่วยให้คำว่าประชาธิปไตยพัฒนาขึ้นมาก็ได้ เพราะคนเริ่มหันมาสนใจปัญหาการเมืองมากขึ้น แต่ก็อาจจะมีข้อเสียคือ บางอย่างกว่าจะได้มา อาจจะต้องมีการบอบช้ำบ้าง

ในฐานะที่เป็นครู ก็เพียงแต่คิดว่า ทำอย่างไรให้เหตุการณ์ที่กำลังเกิดนี้ เปรียบเหมือนห้องเรียนห้องใหญ่ของวิชาทักษะชีวิต วิชาทักษะการอยู่ร่วมกันในสังคมหมู่มาก เป็นไปได้ไหม ที่รัฐบาลจะเอา TV ทั้งสองช่องนี้ มาให้ทุกคนได้รับรู้ข่าวสารกันบ้าง เอาทั้งสองฝ่ายมาจัดรายการบน Free TV นำเสนอข้อมูลข้เท็จจริงให้ประชาชนทราบ แบ่งกันออกรายการเลยตลอดทั้งวัน สลับกันคนละ 1 ชั่วโมงก็ได้ เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ข่าวสารทุกด้าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น