หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2552

การศึกษาปัจจุบัน อะไรที่หายไป

  • ตอนเช้าของทุกวัน จะต้องขับรถมาทำงานเมื่ออดีตที่ผ่านมาสัก 10 ปี จะขับรถมอร์เตอร์ไซด์มาทำงาน จำได้ว่า ถนนหนทางโล่ง ขับรถสบาย แต่ ปัจจุบัน พอจะมีสตางค์ซื้อรถมาขี่ไปทำงาน และประกอบกับขี่มอร์เตอร์ไซด์ไม่ได้แล้ว อันตรายเกินไป สำหรับวัยอย่างเรา แต่ปรากฏว่า ถนนหนทางไม่เหมือนเดิมแล้ว ถนนขยายกว้างมาก เป็นด้านละ 3 ช่องจราจร รวมสองด้าน คือ 6 ช่องทาง มีเกาะกลางถนนตรงกลาง สิ่งที่ปรากฏคือ ช่องซ้ายสุด กลายเป็นที่จอดรถ ฟุตบาทกลายเป็นที่ตั้งร้านขายของ ช่องตรงกลาง เป็นช่องของมอร์เตอร์ไซด์ รถยนต์ จึงมาวิ่งช่องขวาสุด ชิดเกาะกลางถนน และรถจะติดเป็นช่วงๆ เนื่องจากมีรถรอเลี้ยวขวาขวางหน้า สภาพการจราจรอันแออัดของต่างจังหวัดในเมืองใหญๆจะเป็นแบบนี้ในตอนเช้าของชั่วโมงเร่งด่วน คือช่วงเวลาที่ทุกคนไปทำงาน
  • สิ่งที่จะพบและสร้างความลำบากในการขับรถ คือ วินัยจราจร ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่พบบ่อยคือ
  1. ขับรถย้อนศร จะพบเฉพาะรถมอร์เตอร์ไซด์ เป็นเพาะต้องการความสำดวกและรวดเร็ว เพราะถ้าจะไปกลับรถ ต้องขับไปกลับรถยังจุดที่จะกลับได้อีกไกล ดังนั้น พอออกจากซอย ก็ขับรถสวนขึ้นมา โดยไม่สนใจว่า รถที่เขาขับมาอย่างถูกต้องจะต้องหลบ ถ้เป็นรถเล็กก็ไม่กระทบ ถ้าเป็นรถยนต์ ก็ต้องไปเบียดรถทางขวา
  2. ไม่รอให้รถว่าง เมื่อโผล่มาจากซอย แต่รถยังไม่ว่าง ก็ไม่รอ แต่ขับออกมาแล้ววิ่งบนขอบข้างทาง แล้วค่อยๆเบียดขึ้นมาบทถนน (ส่วนมากเป็นรถยนต์) ทำให้รถที่วิ่งตามมา ถูกเบียด หรือต้องเบรคกระทันหัน หรือหักหลบไปเบียดรถในช่องขวา สร้างปัญหากระทบรถที่ตามมาอีก
  3. รถที่เลี้ยวขวา แต่ไม่เข้าตามช่อง แต่วิ่งไปที่ช่องรถที่ไปตรง แล้วไปแทรกตัดหน้าเข้าช่องขวา หรือเรียกง่ายๆ คือ แซงคิว ทำให้รถติดเนื่องจากรถคันนี้ จะไปขวางหน้า รถทางตรง หรือรถที่เข้าช่องที่ถูกไม่ยอมให้ตัดหน้า ก็เลยจอดค้างติดกันอยู่อย่างนั้น
  • ที่ยกตัวอย่างเรื่องการจราจรมานี้ เพื่อจะนำเข้าสู่ประเด็นว่า ทุกวันนี้สังคมของเราขยายมากขึ้น มีคนมากขึ้น จะต้องใช้ชีวิตร่วมกันในสังคม ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยาก ที่แต่ละคนจะทำอะไรตามใจตัวเองได้ทั้งหมด การอยู่ร่วมกันในสังคม จะต้องมีข้อตกลง หรือกติการร่วมกัน จึงจะอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข ความสำคัญจึงอยู่ที่กติกานี่เอง กติกาบางเรื่อง ก็เขียนออกมาเป็นตัวหนังสือที่เป็นกฏหมาย แต่บางเรื่อง อาจจะเป็นเรื่องที่ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติ ขนบธรรมเนียม หรือมารยาทในสังคม ดังนั้นเมื่อสังคมเปลี่ยนไป มีเรื่องใหม่ๆ เข้ามามากมาย แนวปฏิบัติในการใช้ชีวิตร่วมกันในสังคม ก็มีเรื่องใหม่ๆ เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่า บางเรื่องยังไม่มีแนวปฏิบัติ จึงทำให้เกิดเรื่องยุ่งๆ ขึ้นมา คนบางกลุ่มจึงฉวยโอกาสช่องว่างตรงนี้ สร้างความได้เปรียบในสังคม โดยการหลีกเลี่ยงข้อตกลงบางอย่างเพื่อประโยชน์ของตัวเอง และบางครั้งเราก็ยกย่องกันด้วย เช่นบอกว่า คนนี้ซิกแซกเก่ง จึงประสบความสำเร็จ ความจริงก็คือ เป็นคนที่หาช่องว่างต่างๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์ของตนเอง ซึ่งถ้าไม่ไปเดือดร้อนคนอื่นก็ดีไป
  • ขอย้อนมาตบท้ายที่การศึกษา เพราะหลักสูตรของวิชาการอยู่ร่วมกันในสังคมนี้ จะถูกถ่ายทอดออกมาเป็นกระบวนการ หรือกิจกรรม ในหมวดสังคม ซึ่งนอกจากจะมีเนื้อหาการเรียนรู้แล้ว ในหลักสูตร และในโรงเรียนได้พยายามจำลองสังคมย่อยๆ ในโรงเรียน ที่นักเรียนทุกคนจะต้องมาอยู่ร่วมกัน มีกฏ ระเบียบของโรงเรียน ซึ่งเป็นข้อตกลง ที่ทำให้ทุกคนในโรงเรียนอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข แต่ทุกวันนี้ ดูเหมือนว่า หลายสิ่ง หลายอย่าง เกี่ยวกับเรื่องการอยู่ร่วมกันในสังคม ได้ลดหย่อนลง จากผลกระทบของหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเหล่านี้ ไม่ได้อยู่ในความสนใจของนักเรียน เพราะไม่มีผลต่อการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมากนัก ผลที่เกิดตามมาคือ เมื่อ ออกจากโรงเรียน ไปใช้ชีวิตในสังคมจริง ก็จะขาดทักษะที่ดีในการอยู่ร่วมกันในสังคม แต่จะมาเรียนรู้การใช้ชีวิตในสังคมจริงอีกรูปแบบหนึ่ง จึงทำให้สังคม เป็นอยู่เหมือนทุกวัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น