หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

การศึกษาในสายตาผู้แทน

เมื่อคืนนี้ มีการประชุมสภาฯ ทั้งคืน โดยประชุมต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อเช้าวาน จนถึงวันนี้ตอนใกล้เที่ยง จึง ปิดการประชุม ได้ติดตามการประชุมจนถึงประมาณตี 1 ทนไม่ไหวเพราะง่วงนอน จึงไปนอน ตอนประมาณตี5 ตืนมาดู TV ต่อ โดยเฉพาะการอภิปรายงบประมาณในกระทรวงศึกษาธิการ เพราะสนใจว่า จะมีข้อมูลอะไรใหม่ๆ ที่น่าสนใจ สำหรับครูบ้าง แต่ก็เสียดาย เพราะ ผู้อภิปรายแต่ละคนได้เวลาพูดกัน 3 นาทีบ้าง 5 นาทีบ้าง แต่ประเด็นถึงแม้จะเป็นที่ทราบกันอยู่ แต่ก็เป็นการเน้นย้ำให้เห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในวงการศึกษานั้น ผู้แทนก็รู้ สภาก็รู้ แต่ก็ยังแก้ไมได้ ผมจับประเด็นเฉพาะที่ผมสนใจเกี่ยวกับการศึกษา ดังนี้
  • เรื่องที่1 เรื่องการเรียนฟรี 15 ปี เห็นตรงกันว่า เรียนฟรีก็จริง แต่ต้องจ่ายเงินมาก เพราะมีการเรียกเก็บเงิน พิเศษอื่นๆ รวมทั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ค้าใช้จ่ายในการเรียนพิเศษ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้เป็น พ่อ แม่ ผู้ปกครองทั้งหลาย ซาบซึ่งดี เพราะปัจจุบัน การส่งลูกหลานเรียน ต้องใช้เงินอย่างมาก ประการแรก ต้องส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนดีๆ ซึ่งโรงเรียนเหล่านี้ ก็ไม่ได้อยู่ใกล้บ้าน (ทั้งๆที่โรงเรียนใกล้บ้านก็มี) ข้อเท็จจริงที่เห็นเป็นตัวอย่างคือ ครูท่านหนึ่ง ยังส่งลูกไปเรียนในเมือง ไม่ให้ลูกเรียนที่โรงเรียนที่ตนเองสอน เมื่อส่งลูกไปเรียนไกล ก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามมา อย่างน้อย ก็ค่าเดินทางไปเรียน ซึ่งยังไม่รวมค่าใช้จ่ายก่อนที่จะเข้าโรงเรียนนั้นได้ เช่น ต้องมีการบริจาคเนื่องจากจำนวนนักเรียนมากเกินโควต้า โรงเรียนที่ดังๆ ต้องจ่ายเป็นหลักหมื่น ประการที่สอง ค่ากิจกรรมต่างๆ เพราะดูเหมือนว่า ไม่ว่าจะเดินเข้าห้องอะไรในโรงเรียนก็ต้องจ่าย เช่นเดินเข้าห้องคอมพิวเตอร์ ก็ต้องจ่ายค่าคอมพิวเตอร์ ลงสะว่ายน้ำ ก็ต้องจ่ายค่าสระ กิจกรรมกีฬา ก็จ่ายค่าชุดกีฬา เป็นต้น ประการที่สาม ค่าเรียนพิเศษ เด็กสมัยนี้ เรียนพิเศษกันตั้งแต่อนุบาล จนจบ ม. 6 หรือแม้กระทั่งระดับปริญญาก็ต้องไปเรียนพิเศษ และค่าเรียนพิเศษ ก็แพงพอสมควร ประการที่สี่ ค่าสังคม เมื่อไปอยู่โรงเรียนใหญ่ๆ มีชื่อเสียง ลูกคนมีสตางค์มีเยอะ จะน้อยหน้าเพื่อนก็อายเขาดังนั้น สิ่งไม่จำเป็นทั้งหลายตามมา ข้าวของเครื่องใช้ราคาถูกๆ ก็ใช้ไมได้ ต้องใช้ของแพง พ่อแม่ก็ต้องจ่ายไม่มีก็ต้องไปกู้มาทั้งๆที่ รายได้จากการทำนาก็น้อยนิด
  • เรื่องที่ 2 เรื่องความล้มเหลวของการศึกษา มีผู้อภิปรายว่า เพราะไม่มีการเรียนหน้าที่พลเมือง ศีลธรรมเหมือนสมัยก่อน สมัยดี คนที่จบการศึกษาออกมา จึงมีความรู้แต่ไม่มีคุณธรรมกันมากขึ้น รวมทั้งการศึกษาที่มีแต่การแข่งขันเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย แข่งขันกันสู่สู่ตำแหน่งการงาน แข่งขันกันทุกเรื่องโดยไม่สนใจว่าจะด้วยวิธีการอะไร
  • เรื่องที่ 3 เรื่องครู เข้ามาซ้ำรอบเดิมที่เคยกว่างถึง คือเรื่องค่าตอบแทนครูทำให้ไม่ได้คนเก่งมาเป็นครู แต่มีประเด็นเพิ่มเติมคือ มีผู้แทนกล่าวว่า การเข้าเป็นครูอัตราจ้าง หรือพนักงานราชการทุกวันนี้ ก็ต้องมีการวิ่งเต้นจ่ายเงินกันเป็นหลักหมื่น หลักแสน ไม่รู้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างๆ มันก็เลยเห็นข้อมูลที่ขัดแย้งกันว่า ครูเงินเดือนต่ำคนเก่งไม่อยากเป็นครู แต่เมื่อมีอัตราครู คนก็วิ่งเต้นจ่ายเงินกันเพื่ออยากจะเป็นครู หรืออาจจะเป็นเพราะไม่เก่งสอบสู้เขาไม่ได้ จึงต้องยัดเงิน ก็จะยิ่งซ้ำเติมวงการครูมากขึ้น เพราะถึงแม้จะเก่งก็มาเป็นครูไม่ได้ถ้าไม่มีเงิน น่าวงสารวงการครู ดูเหมือนว่าเขามอกภาพวงการเราไม่ค่อยดีเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น