วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
ธุรกิจที่เกี่ยวกับการศึกษา
วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
ระบบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย ยังมีจุดบกพร่อง
วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
ผลงานวิชาการ เพื่อเลื่อนวิทยฐานะ
วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
หรือว่า มหาวิทยาลัย เป็นต้นตอของปัญหาทั้งหลาย
วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
สอบจริงไม่ได้ เอาไว้แก้ตัวสอบซ่อม
นโยบายด้านการศึกษา
รัฐบาลด้านการศึกษาของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่แถลงต่อรัฐสภา มีดังนี้
ด้านการศึกษา ปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบ โดยปฏิรูปโครงสร้างและการบริหารจัดการ ปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ และระดมทรัพยากรเพื่อการปรับปรุงการบริหารจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจนถึงระดับอุดมศึกษา พัฒนาครู พัฒนาระบบการคัดเลือกเข้าสู่มหาวิทยาลัย พัฒนาหลักสูตร รวมทั้งปรับหลักสูตรวิชาแกนหลักรวมถึงวิชาประวัติศาสตร์ ปรับปรุงสื่อการเรียนการสอน พัฒนาทักษะในการคิดวิเคราะห์ ปรับบทบาทการศึกษานอกโรงเรียนเป็นสำนักงานการศึกษาตลอดชีวิต และจัดให้มีศูนย์การศึกษาตลอดชีวิตเพื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ ตลอดจนส่งเสริมการกระจายอำนาจให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาเพื่อนำไปสู่เป้าหมายคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นคุณธรรมนำความรู้อย่างแท้จริง
- ส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษาทั้งระบบ โดยมุ่งเน้นในระดับอาชีวศึกษา และอุดมศึกษา เพื่อให้สนองตอบความต้องการด้านบุคลากรของภาคเศรษฐกิจ
- พัฒนาครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้ครูดี ครูเก่ง มีคุณธรรม มีคุณภาพ และมีวิทยฐานะสูงขึ้น ลดภาระงานครูที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนการสอนตามโครงการคืนครูให้นักเรียน มีการดูแลคุณภาพชีวิตของครูด้วยการปรับโครงสร้างหนี้และจัดตั้งกองทุนพัฒนาคุณภาพชีวิตครู ควบคู่ไปกับการลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่เน้นการพัฒนาเนื้อหาสาระและบุคลากรให้พร้อมรองรับและใช้ประโยชน์จากระบบสารสนเทศได้อย่างคุ้มค่า
- จัดให้ทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาฟรี 15 ปี ตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการให้เกิดความเสมอภาคและความเป็นธรรมในโอกาสทางการศึกษาแก่ประชาชนในกลุ่มผู้ด้อยโอกาสทั้งผู้ยากไร้ ผู้พิการหรือทุพพลภาพ ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก ผุ้บกพร่องทางร่างกายและสติปัญญา และชนต่างวัฒนธรรม รวมทั้งยกระดับการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กในชุมชน
- ยกระดับคุณภาพมาตรฐานการศึกษาระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษาไปสู่ความเป็นเลิศ โดยการจัดกลุ่มสถาบันการศึกษาตามศักยภาพ ปรับเงินเดือนค่าตอบแทนของผู้สำเร็จการศึกษาระดับอาชีวศึกษาให้สูงขึ้น โดยภาครัฐเป็นผู้นำและเป็นแบบอย่างของการใช้ทักษะอาชีวศึกษาเป็นเกณฑ์กำหนดค่าตอบแทนและความก้าวหน้าในงาน ควบคู่กับการพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมด้วยการเพิ่มขีดความสามารถด้านการวิจัยและพัฒนา
- ปรับปรุงการบริหารจัดการกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ให้มีการประนอมและไกล่เกลี่ยหนี้ รวมทั้งขยายกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เพื่อขึ้นเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาระดับอาชีวศึกษาและปริญญาตรีเพิ่มขึ้น
- ส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน และประชาชนใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศเชิงสร้างสร้างสรรค์อย่างชาญฉลาด เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้
- เร่งรัดการลงทุนด้านการศึกษาและการเรียนรู้อย่างบูรณาการในทุกระดับการศึกษาและในชุมชน โดยใช้พื้นที่และโรงเรียนเป็นฐานในการบูรณาการทุกมิติ และยึดเกณฑ์การประเมินของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาเป็น หลักในยกระดับคุณภาพโรงเรียนที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน และส่งเสริมความเป็นเลิศของมหาวิทยาลัยไปสู่การเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาและวิจัยพัฒนาในภูมิภาค รวมทั้งเสริมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตในชุมชนโดยเชื่อมโยงบทบาทสถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา และสถาบันทางศาสนา
จากนโยบายของรัฐบาลดังกล่าว ถ้าวิเคราะห์เข้ามาสู่บทบาทของ กศน. และบทบาทของหน่วยงานสังกัด กศน. ต่างๆ คงจะต้องมีการวิเคราะห์ว่า สิ่งที่กำลังดำเนินการนั้น ตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลอย่างไรหรือ ไม่ มสีสิ่งใดที่ตอบสนองนโยบายอยู้แล้ว ก็ดำเนินการต่อไป สิ่งใดที่ไม่เป็นไปตามนโยบาย แค่มีประโยชน์ต่อประชาชน ก็ต้องช่วยกันพิจารณาว่า ควรดำเนินการอย่างไร แต่สิ่งที่ขัดนโยบายก็ต้องพิจารณาหนักหน่อย ญ นโยบายที่สำคัญประการหนึ่งในข้อ 6 ที่เป็นตัวหนังสือสีแดงเป็นนโยบายประการหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับงานสารสนเทศคือการนำเอาเทคโนโลยีสานสนเทศมาใช้ให้เกิดประโยน์ต่อการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน แต่ถ้าขยายขอบเขตไปถึงประชาชนทั่วไปก็คงจะไม่ผิดอะไร โดยมีแนวทางที่สามารถดำเนินการได้หลายแนวทาง โดยแนวทางหนึ่งที่สามารถดำเนินการได้ทันทีคือการสร้างสื่อการเรียนรู้เพื่อเผยแพร่ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (อ่านบทความเรื่อง คลังสื่อ ประกอบ)
วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
เข้ารับการบอรมหลังสูตร php5/MySQL
วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
สายด่วน ช่องทางการสื่อสารที่ไม่ได้รับความสนใจ
- คงต้องยอมรับว่า หน่วยงานและสถานศึกษาของ กศน. ได้มีการพัฒนาด้าน ICT ไปค่อนข้างมาก หน่วยงาน กศน. ระดับภาคและระดังจังหวัด มีเครื่องมือ และอุปกรณ์ที่สามารถใช้งาน อินเตอร์เน็ตที่สามารถให้บริการแก่สมาชิกในองค์กรได้ นอกจากนั้นยังสามารถสร้าง website ของตนเองได้ ทำให้สามารถเปิดช่องทางการสื่อสาร ระหว่างหน่วยงานได้อย่างกว้างขวาง และรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ข้อมูล ข่าวสาร หรือการให้บริการทางการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียนการสอน การฝึกอบรม ผ่านทางอินเตอร์เน็ต
- เป็นที่น่าดีใจว่า ช่องทางการสื่อสารเหล่านี้ เข้ามาช่วยไม่เพียงความรวดเร็วในการสื่อสารเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดงบประมาณ ในการติดต่อสื่อสารได้ ด้วย ถ้าสามารถนำมาใช้ได้อย่างเต็มที่ตัวอย่างเช่น การสื่อสารการรับส่งหนังสือราชการระหว่างหน่วยงานระดับจังหวัด และอำเภอ นอกจากจะรวดเร็วแล้ว ยังประหยัดค่าไปรษณีย์ได้ด้วย เมื่อคลิกเมาส์ที่ปุ่มส่ง ก็จะถึงผู้รับทันทีแต่ยังน่าเสียดายที่ยังมีบางสิ่งบางอย่างเข้ามาเป็นอุปสรรคที่ขวางกั้นไม่ให้กระบวนการดังกล่าวนำมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ตัวอย่างเช่น การส่งจดหมายดังกล่าวนี้ เป็นการส่งไปยังตู้จดหมาย ไม่ได้ส่งถึงตัวบุคคล ถ้าเจ้าของตู้ไม่ไปเปิดดูจดหมายในตู้ ก็จะไม่ได้รับจดหมาย ดังนั้นแทนที่จะเป็นผลดี ก็เลยกลาวเป็นผลเสีย เพราะทางผู้ส่ง ก็คิดว่าผู้รับได้รับจดหมายแล้ว ก็รอว่า เมื่อไรจะดำเนินการตามที่สั่งไปในจดหมาย เมื่อรอไม่ไหว ก็เร่งรัดไป ทางผู้รับก็ต่อว่ามาว่า ทำไมไม่บอก (เพราะไม่เคยไปเปิดดู หรือไม่มีใครเอาจดหมายมาใหดู)
- ถ้าต้องการให้กระบวนการนี้ได้ผล จะต้องทำอย่างไร ขอยกตัวอย่าง กระบวนการสื่อสารระหว่างหัวหน้าหน่วยงานระดับสูง เช่น อธิบดี กับหน่วยงานในระดับพื้นที่ ในเรื่องการติดต่อสื่อสาร สิ่งที่เป็นแนว ทางที่เป็นไปได้ น่าจะดำเนินการดังนี้
- 1 เปิดหน้า website ที่หน้าแรก ตรงส่วนใดส่วนหนึ่งให้ชัดเจน ว่า ในกรอบนี้ เป็นเรื่องที่ผู้บริหารระดับสูง ต้องการติดต่อสื่อสาร กับหน่วยงานในพื้นที่ ทำให้ชัดๆ กว้างๆ น่าสนใจ ใครเปิดมาที่หน้าแรกของ website ก็จะเห็นทันที
- 2 กำหนดเป็นนโยบาย หรือสั่งการไปยังทุกหน่วยงานว่า ต่อไปนี้ อธิบดี จะใช้ช่องทางนี้ เป็นการสื่อสารเรื่องที่ด่วน หรือสำคัญ ดังนั้น ท่านหัวหน้าหน่วยงานในพื้นที่โปรดให้ความสำคัญและเอใจใส่ ถ้าใช้ไม่เป็น ก็ มอบให้คนที่ใช้เป็นคอยเข้ามาตรวจสอบและรายงานให้ทราบวันละ 3 เวลาหลังอาหาร
- 3 Website ของหน่วยงานในพื้นที่ นำเอาช่องสื่อสารกับผู้บริหารระดับสูงนี้ มาแปะไว้ที่หน้า website ของตนเอง เรียกได้ว่า เหมือนกับการถ่ายทอดของโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เปิดไปช่องไหนก็พบ
- 4 ต้นน้ำ ปลายน้ำ ต้องตกลงที่จะเล่นพร้อมกัน นั่นคือต้นน้ำ คือผู้บริหารระดับสูง ต้องเริ่มก่อน คือ เป็นผู้ตัดสินใจมอบหมายหรือสั่งการด้วยตัวเองว่า เรื่องอะไรบ้าง ที่ให้นำไปไว้ในช่องสายด่วนของผู้บริหาร เอาเฉพาะเรื่องสำคัญและด่วยจริงๆ (ไม่เช่นนั้นช่องนี้จะมีขยะเข้าไปปะปน) ส่วนปลายน้ำ คือ ผู้บริหารหน่วยงานในพื้นที่ก็ต้องตอบสนอง เปิดติดตามเรื่องราวในสายด่วนตลอดเวลา แล้วมีปฏิกิริยาตอบสนองให้ต้นน้ำทราบด้วย
- เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก ขอให้ประกาศเป็นนโยบาย ทุกอย่างพร้อมอยู่ ขาดแต่การนำไปปฏิบัติของผู้บริหารเท่านัน
สำนักทดสอบ กศน.
- มีความจำเป็นอะไรที่ต้องนำเอาระบบการทดสอบหน้าจอมาใช้
- มีความเป็นไปได้เพียงใด ที่จะนำเอาระบบการทดสอบหน้าจอมาใช้
- ใครเป็นผู้ดำเนินการ
วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
การวัดผล แล้วมาประเมินผลที่ได้จากการวัด ว่ามีคุณภาพแค่ไหน
Google ช่วยเปิดโลกการศึกษาค้นคว้า
วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
มาตรฐานและคุณภาพการศึกษา
วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
เกษตรกรไทย ผูเสียค่าใช้จ่ายให้กับการศึกษา
วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
การประกันคุณภาพ ประเมินเพื่อพัฒนางานหรือพัฒนางานเพื่อประเมิน
วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
หลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช2515ถ
- การเรียนรู้ด้วยนเอง
- การใช้แหล่งการเรียนรู้
- การจัดการความรู้
- คิดเป็น
- วิจัยอย่างง่าย
สาระที่ 2 สาระวความรู้พื้นฐาน ประกอบด้วยรายงิชาต่างๆ ดังนี้
- ภาษาไทย
- ภาษาอังกฤษพื้นฐาน 1
- ภาษาอังกฤษพื้นฐาน 2
- ภาษาอังกฤษพื้นฐาน 3
- คณิตศาสตร์
- วิทยาศาสตร์
สาระที่ 3 สาระการประกอบอาชีพ ประกอบด้วยรายวิชาต่างๆ ดังนี้
- ช่องทางเข้าสู่อาชีพ
- ทักษะเข้าสู่อาชีพ
- การจัดการเข้าสู่อาชีพ
- พัฒนาอาชีพให้มีอยู่มีกิน
สาระที่ 4 สาระการดำเนินชีวิต ประกอบด้วยรายวิชาต่างๆ ดังนี้
- เศรษฐกิจพอเพียง
- สุขศึกษา พลศึกษา
- ศิลปศึกษา
สาระที่ 5 สาระการพัฒนาสังคม ประกอบด้วยรายวิชาต่างๆ ดังนี้
- สังคมศึกษา
- ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี
- หน้าที่พลเมือง
- การพัฒนาตนเอง
รายวิชาบังคับระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
สาระที่ 1 สาระทักษะการเรียนรู้ ประกอบด้วยรายวิชาต่างๆ ดังนี้
- การเรียนรู้ด้วยตนเอง 1 หน่วยกิต
- การใช้แหล่งการเรียนรู้ 1 หน่วยกิต
- การจัดการความรู้ 1 หน่วยกิต
- คิดเป็น 1 หน่วยกิต
- วิจัยอย่างง่าย 1 หน่วยกิต
สาระที่ 2 สาระความรู้พื้นฐาน
- ภาษาไทย 4 หน่วยกิต
- ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน 1 2 หน่วยกิต
- ภาษาอัีงกฤษในชีวิตประจำวัน 2 2 หน่วยกิต
- คณิตศาสตร์ 1 2 หน่วยกิต
- คณิตศาสตร์ 2 2หน่วยกิต
- วิทยาศาสตร์ 4 หน่วยกิต
สาระที่ 3 สาระการประกอบอาชีพ
- ช่องทางเข้าสู่อาชีพ 2 หน่วยกิต
- ทักษะพัฒนาอาชีพ 2 หน่วยกิต
- การจัดการพัฒนาอาชีพ 2 หน่วยกิต
- พัฒนาอาชีพให้มีความเข้มแข็ง 2 หน่วยกิต
สาระที่ 4 สาระการดำเนินชีวิต
- เศรษฐกิจพอเพียง 1 หน่วยกิต
- สุขศึกษา พลศึกษา 2 หน่วยกิต
- ศิลปศึกษา 2 หน่วยกิต
สาระที่ 5 สาระการพัฒนาสังคม
- สังคมศึกษา 3 หน่วยกิต
- ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี 1 หน่วยกิต
- หน้าที่พลเมือง 1 หน่วยกิต
- การพัฒนาตนเอง 1 หน่วยกิต
วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
คลังสื่อ
- กระบวนการสร้างสื่อ คือกระบวนการที่ทำอย่างไรให้มีสื่อที่มีประโยชน์เข้ามาอยู่ในคลังอบ่างเหมาะสมและพอเพียง
- กระบวนการบริการสื่อสำหรับผู้สนใจได้อย่างสะดวก
- ผลิตเอง คือหน่วยงานที่รับผิดชอบคลังสื่อเป็นผู้สร้างสื่อเอง
- เชื่อมโยงไปยังแหล่งสื่ออื่นๆ โดยทำหน้าที่ในลักษณะ Portal Web คือทำหน้าทีสร้าง Link ที่เชื่อมโยงไปยัง website ต่างๆ ที่มีสื่อเพื่อเผยแพร่ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่จำนวนมากซึ่งสื่อจะต้องคัดเลือกและสรรหามาเฉพาะสื่อที่มีประโยชน์ต่อการเรียนรู้และสนองตอบความต้องการของประชาชน
- ผู้ใช้ช่วยกันสร้าง โดยสร้าง website ที่เป็นสื่อกลางให้ปนะชาชนสามารถเข้ามาสร้างสื่อได้ด้วยตนเอง
- การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จัก
- กระบวนการค้นหา
- กระบวนอำนวยความสะดวกในการนำสื่อไปใช้